สำนักข่าวกลางเกาหลี ( เคซีเอ็นเอ ) กระบอกเสียงของรัฐบาลเปียงยาง เผยแพร่แถลงการณ์ของนายรี แท-ซอง รมช.การต่างประเทศเกาหลีเหนือ มีเนื้อหาสำคัญว่า เกาหลีใต้ควรมีความเข้าใจ “อย่างถ่องแท้” เสียก่อน ว่าการประกาศยุติสงครามไม่สามารถฟื้นฟูสถานการณ์ และรักษาเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลีได้ เนื่องจากรัฐบาลโซลยังไม่สามารถมีหลักประกันที่ชัดเจนได้ว่า สหรัฐจะไม่ฉวยโอกาสใช้สิ่งนี้เป็นฉากกำบังให้กับนโยบายข่มขู่คุกคาม

ทั้งนี้ หนทางเดียวที่จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ นั่นคือสหรัฐต้องยุตินโยบายสองมาตรฐาน และการข่มขู่คุกคามต่อเกาหลีเหนือ เนื่องจากเป็นนโยบายที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพ และสันติภาพอย่างยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี

ต่อมาเคซีเอ็นเอเผยแพร่แถลงการณ์อีกฉบับหนึ่ง เป็นของ น.ส.คิม โย-จอง น้องสาวของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ยังคงย้ำว่า การประกาศยุติสงครามระหว่างสองเกาหลี “ไม่มีประโยชน์” ตราบใดที่ความเหลื่อมล้ำ ความขัดแย้ง และการเป็นปรปักษ์ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเปียงยางพร้อมสำหรับ “การเจรจาอย่างสร้างสรรค์” กับรัฐบาลโซล เพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ตราบใดที่เกาหลีใต้ยุติการเคลื่อนไหวข่มขู่คุกคามต่อเกาหลีเหนือ

ปัจจุบัน เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังถือว่า อยู่ในสถานะ “ประเทศคู่สงครามต่อกัน” เนื่องจากสงครามเกาหลีระหว่างปี 2493-2496 สงบด้วย “ข้อตกลงหยุดยิง” ไม่ใช่ “สนธิสัญญาสันติภาพ” ขณะที่ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้ กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ครั้งที่ 76 ที่นครนิวยอร์ก เรียกร้องการเจรจาร่วมแบบไตรภาคี ประกอบด้วย สหรัฐ เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ หรือการเจรจาแบบจตุภาคี ประกอบด้วย สหรัฐ จีน เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ เพื่อร่วมกันประกาศ “การยุติอย่างเป็นทางการ” ของสงครามเกาหลี